FOMO ย่อมาจาก Fear of Missing Out หรือแปลเป็นภาษาไทยว่า “ความกลัวที่จะพลาดโอกาส” เป็นความรู้สึกกังวลหรือกลัวว่าตนเองจะพลาดโอกาสสำคัญ ประสบการณ์ที่น่าสนใจ หรือกิจกรรมที่ผู้อื่นกำลังมีส่วนร่วมอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นผ่านสื่อสังคมออนไลน์
และข่าวด้านลบก็มีเข้ามาเยอะมากๆ คนส่วนมากก็จะตื่นตระหนก และกลัวที่จะพลาด เมื่อเราเกิดความกลัว จะสามารถแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ยังไง ไปดูกันครับ
ลักษณะของ FOMO
ก่อนอื่นเลยเราต้องมาแบ่งเกี่ยวกับการ Fomo ก่อนครับ จะได้รู้ว่าเราอยู่ในส่วนไหนของการกลัวพลาดโอกาส
- กลัวตกกระแส:
เช่น กลัวพลาดกิจกรรม งานสังคม หรือเหตุการณ์สำคัญที่คนรอบตัวมีส่วนร่วม - การเปรียบเทียบชีวิตกับผู้อื่น:
เมื่อเห็นคนอื่นโพสต์ชีวิตที่ดูดี เช่น การท่องเที่ยว งานปาร์ตี้ ความสำเร็จส่วนตัว ฯลฯ ทำให้เกิดความรู้สึกว่าตนเองกำลังขาดอะไรบางอย่าง - ความกังวลเกี่ยวกับการตัดสินใจ:
กลัวว่าการเลือกของตัวเองอาจไม่ดีที่สุด เช่น การเลือกงาน การลงทุน หรือแม้กระทั่งร้านอาหาร
ต้องการเป็นส่วนหนึ่งตลอดเวลา:
รู้สึกว่าต้องติดตามข่าวสาร อัปเดตเทรนด์ หรือการสนทนาเพื่อไม่ให้ “ตกขบวน”
สาเหตุของ FOMO
- ผลกระทบจากสื่อสังคมออนไลน์:
โซเชียลมีเดียทำให้เราเห็นชีวิตที่ “ดูสมบูรณ์แบบ” ของคนอื่นได้ตลอดเวลา ส่งผลให้เกิดการเปรียบเทียบและความรู้สึกว่าตนเอง “ขาดอะไรไป” - ธรรมชาติของมนุษย์:
มนุษย์เป็นสัตว์สังคมที่ต้องการการยอมรับและการมีส่วนร่วมในกลุ่ม - ความกดดันจากสังคม:
สังคมที่ให้คุณค่ากับความสำเร็จหรือการเข้าสังคมอาจทำให้เกิดความรู้สึกกลัวว่าตนเองด้อยกว่า - ความไม่มั่นใจในตนเอง (Low Self-esteem):
ความรู้สึกไม่มั่นใจในตนเองทำให้คนรู้สึกว่าต้องพยายามตามให้ทันคนอื่น
ในความ Fomo หลายคนมักจะคุ้นเคยกับเรื่องการลงทุน แต่ในความเป็นจริงแล้ว มีในเรื่องของการใช้ชีวิต หรือเรื่องของความมั่นใจเข้ามาเกี่ยวด้วยเช่นกันครับ
ถ้าหากเราต้องการการยอมรับมากเกินไป หรือด้อยค่าตัวเองมากๆ เรียกได้ว่าไม่มีผลดีอะไรเลยครับ เพราะฉะนั้นแล้ว อาการนี้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการลงทุน หรือเรื่องของชีวิตประจำวัน และเรื่องของตัวตนของเราเอง ไม่ควรจะกลัวขนาดนั้นครับ
แต่ถ้าใครที่ Fomo ไปแล้ว และเกิดอาการเหล่านี้ไปแล้ว เดี๋ยวมาดูกันครับว่าจะมีผลกระทบอะไรบ้าง และต้องแก้ไขอย่างไร
ผลกระทบของ FOMO
- ด้านจิตใจ
- ความเครียดและวิตกกังวล
- อาการซึมเศร้าหรือหมดไฟ เนื่องจากการเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น
- รู้สึกไม่พึงพอใจกับชีวิตของตัวเอง
- ด้านพฤติกรรม
- ใช้เวลามากเกินไปบนโซเชียลมีเดีย
- พยายามเข้าร่วมกิจกรรมทุกอย่างจนไม่มีเวลาพักผ่อน
- ตัดสินใจโดยไม่รอบคอบ เช่น ใช้เงินเกินตัวเพื่อตามเทรนด์
- ด้านสุขภาพกาย
- การนอนหลับไม่เพียงพอ เนื่องจากติดตามโซเชียลมีเดียจนดึก
- ความเหนื่อยล้าจากการพยายามทำหลายอย่างพร้อมกัน
วิธีจัดการกับอาการ FOMO
- สร้างความพึงพอใจในชีวิตของตนเอง
- ฝึกขอบคุณสิ่งที่มีอยู่ (Gratitude Practice)
- ให้คุณค่ากับประสบการณ์ส่วนตัวมากกว่าการเปรียบเทียบ
- จำกัดการใช้โซเชียลมีเดีย
- กำหนดเวลาการใช้งานเพื่อป้องกันการเปรียบเทียบชีวิตกับคนอื่น
- เลิกติดตามบัญชีที่ทำให้รู้สึกกดดัน
- ตั้งเป้าหมายส่วนตัว
- มุ่งเน้นเป้าหมายและความสำเร็จของตัวเอง
- แบ่งเวลาให้กับกิจกรรมที่มีความหมายและสร้างคุณค่า
- ฝึกสติ (Mindfulness)
- อยู่กับปัจจุบันขณะ และลดความกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่คนอื่นทำ
- ฝึกทำสมาธิเพื่อจัดการความคิดเชิงลบ
- ยอมรับว่าคุณไม่สามารถทำทุกอย่างได้
- เข้าใจว่าการพลาดโอกาสบางอย่างเป็นเรื่องธรรมดา
- ให้ความสำคัญกับสิ่งที่คุณทำได้และสิ่งที่เหมาะสมกับตัวเอง
ใดๆแล้วเรื่องสติ และคิดอย่างรอบคอบบนพื้นฐานความเป็นจริง เป็นอะไรที่สามารถจัดการกับอาการได้ดีที่สุดครับ มันเป็นเรื่องปกติมากๆที่เราจะไม่สามารถเหมือนกับคนอื่นได้ และก็ปกติมากๆที่เราจะกลัวคนอื่ยมองเราไม่ดี
สรุปวิธีจัดการอาการ Fomo
ง่ายมากๆครับสำหรับวิธีการแก้ หรือรักษาอาการเหล่านี้ คือ ตั้งเป้าหมายให้กับตัวเองครับ แล้วโฟกัสที่ตัวเองก็พอ เพราะสิ่งเหล่านี้ควรอยู่บนพื้นฐานของความสุข และความพอใจของตัวเองมากกว่าเปรียบเทียบกับผู้อื่น หรือคิดไปเองครับ
เช่นการลงทุน หากเราพอใจก็คือพอใจครับ ไม่ต้องกลัวว่าจะพลาดอะไรไป หรือไม่จำเป็นที่จะต้องมีเหมือนกับคนอื่นก็ได้ครับ อย่างคนอื่นซื้อทอง เราก็ไม่จำเป็นต้องซื้อทองก็ได้ ถ้าเราพอใจกับปัจจุบัน เป็นต้นครับ
หวังว่าอาการ Fomo จะไม่ทำให้การใช้ชีวิตลำบากเกินไป และไม่ทำให้ใครติดดอย หรือหมดตัวนะครับ ส่วนใครที่สนใจอยากซื้อหวยออนไลน์ถูกกฎหมาย : ลองเอามาดูได้ที่นี่ครับ