FOMO ย่อมาจาก Fear of Missing Out หรือแปลเป็นภาษาไทยว่า “ความกลัวที่จะพลาดโอกาส” เป็นความรู้สึกกังวลหรือกลัวว่าตนเองจะพลาดโอกาสสำคัญ ประสบการณ์ที่น่าสนใจ หรือกิจกรรมที่ผู้อื่นกำลังมีส่วนร่วมอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นผ่านสื่อสังคมออนไลน์

และข่าวด้านลบก็มีเข้ามาเยอะมากๆ คนส่วนมากก็จะตื่นตระหนก และกลัวที่จะพลาด เมื่อเราเกิดความกลัว จะสามารถแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ยังไง ไปดูกันครับ

Fomo

ลักษณะของ FOMO

ก่อนอื่นเลยเราต้องมาแบ่งเกี่ยวกับการ Fomo ก่อนครับ จะได้รู้ว่าเราอยู่ในส่วนไหนของการกลัวพลาดโอกาส

  1. กลัวตกกระแส:
    เช่น กลัวพลาดกิจกรรม งานสังคม หรือเหตุการณ์สำคัญที่คนรอบตัวมีส่วนร่วม
  2. การเปรียบเทียบชีวิตกับผู้อื่น:
    เมื่อเห็นคนอื่นโพสต์ชีวิตที่ดูดี เช่น การท่องเที่ยว งานปาร์ตี้ ความสำเร็จส่วนตัว ฯลฯ ทำให้เกิดความรู้สึกว่าตนเองกำลังขาดอะไรบางอย่าง
  3. ความกังวลเกี่ยวกับการตัดสินใจ:
    กลัวว่าการเลือกของตัวเองอาจไม่ดีที่สุด เช่น การเลือกงาน การลงทุน หรือแม้กระทั่งร้านอาหาร

ต้องการเป็นส่วนหนึ่งตลอดเวลา:
รู้สึกว่าต้องติดตามข่าวสาร อัปเดตเทรนด์ หรือการสนทนาเพื่อไม่ให้ “ตกขบวน”

สาเหตุของ FOMO

  1. ผลกระทบจากสื่อสังคมออนไลน์:
    โซเชียลมีเดียทำให้เราเห็นชีวิตที่ “ดูสมบูรณ์แบบ” ของคนอื่นได้ตลอดเวลา ส่งผลให้เกิดการเปรียบเทียบและความรู้สึกว่าตนเอง “ขาดอะไรไป”
  2. ธรรมชาติของมนุษย์:
    มนุษย์เป็นสัตว์สังคมที่ต้องการการยอมรับและการมีส่วนร่วมในกลุ่ม
  3. ความกดดันจากสังคม:
    สังคมที่ให้คุณค่ากับความสำเร็จหรือการเข้าสังคมอาจทำให้เกิดความรู้สึกกลัวว่าตนเองด้อยกว่า
  4. ความไม่มั่นใจในตนเอง (Low Self-esteem):
    ความรู้สึกไม่มั่นใจในตนเองทำให้คนรู้สึกว่าต้องพยายามตามให้ทันคนอื่น

ในความ Fomo หลายคนมักจะคุ้นเคยกับเรื่องการลงทุน แต่ในความเป็นจริงแล้ว มีในเรื่องของการใช้ชีวิต หรือเรื่องของความมั่นใจเข้ามาเกี่ยวด้วยเช่นกันครับ

ถ้าหากเราต้องการการยอมรับมากเกินไป หรือด้อยค่าตัวเองมากๆ เรียกได้ว่าไม่มีผลดีอะไรเลยครับ เพราะฉะนั้นแล้ว อาการนี้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการลงทุน หรือเรื่องของชีวิตประจำวัน และเรื่องของตัวตนของเราเอง ไม่ควรจะกลัวขนาดนั้นครับ

แต่ถ้าใครที่ Fomo ไปแล้ว และเกิดอาการเหล่านี้ไปแล้ว เดี๋ยวมาดูกันครับว่าจะมีผลกระทบอะไรบ้าง และต้องแก้ไขอย่างไร

ผลกระทบของ FOMO

  1. ด้านจิตใจ
  • ความเครียดและวิตกกังวล
  • อาการซึมเศร้าหรือหมดไฟ เนื่องจากการเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น
  • รู้สึกไม่พึงพอใจกับชีวิตของตัวเอง
  1. ด้านพฤติกรรม
  • ใช้เวลามากเกินไปบนโซเชียลมีเดีย
  • พยายามเข้าร่วมกิจกรรมทุกอย่างจนไม่มีเวลาพักผ่อน
  • ตัดสินใจโดยไม่รอบคอบ เช่น ใช้เงินเกินตัวเพื่อตามเทรนด์
  1. ด้านสุขภาพกาย
  • การนอนหลับไม่เพียงพอ เนื่องจากติดตามโซเชียลมีเดียจนดึก
  • ความเหนื่อยล้าจากการพยายามทำหลายอย่างพร้อมกัน

วิธีจัดการกับอาการ FOMO

  1. สร้างความพึงพอใจในชีวิตของตนเอง
    • ฝึกขอบคุณสิ่งที่มีอยู่ (Gratitude Practice)
    • ให้คุณค่ากับประสบการณ์ส่วนตัวมากกว่าการเปรียบเทียบ
  2. จำกัดการใช้โซเชียลมีเดีย
    • กำหนดเวลาการใช้งานเพื่อป้องกันการเปรียบเทียบชีวิตกับคนอื่น
    • เลิกติดตามบัญชีที่ทำให้รู้สึกกดดัน
  3. ตั้งเป้าหมายส่วนตัว
    • มุ่งเน้นเป้าหมายและความสำเร็จของตัวเอง
    • แบ่งเวลาให้กับกิจกรรมที่มีความหมายและสร้างคุณค่า
  4. ฝึกสติ (Mindfulness)
    • อยู่กับปัจจุบันขณะ และลดความกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่คนอื่นทำ
    • ฝึกทำสมาธิเพื่อจัดการความคิดเชิงลบ
  5. ยอมรับว่าคุณไม่สามารถทำทุกอย่างได้
    • เข้าใจว่าการพลาดโอกาสบางอย่างเป็นเรื่องธรรมดา
    • ให้ความสำคัญกับสิ่งที่คุณทำได้และสิ่งที่เหมาะสมกับตัวเอง

ใดๆแล้วเรื่องสติ และคิดอย่างรอบคอบบนพื้นฐานความเป็นจริง เป็นอะไรที่สามารถจัดการกับอาการได้ดีที่สุดครับ มันเป็นเรื่องปกติมากๆที่เราจะไม่สามารถเหมือนกับคนอื่นได้ และก็ปกติมากๆที่เราจะกลัวคนอื่ยมองเราไม่ดี

สรุปวิธีจัดการอาการ Fomo

ง่ายมากๆครับสำหรับวิธีการแก้ หรือรักษาอาการเหล่านี้ คือ ตั้งเป้าหมายให้กับตัวเองครับ แล้วโฟกัสที่ตัวเองก็พอ เพราะสิ่งเหล่านี้ควรอยู่บนพื้นฐานของความสุข และความพอใจของตัวเองมากกว่าเปรียบเทียบกับผู้อื่น หรือคิดไปเองครับ

เช่นการลงทุน หากเราพอใจก็คือพอใจครับ ไม่ต้องกลัวว่าจะพลาดอะไรไป หรือไม่จำเป็นที่จะต้องมีเหมือนกับคนอื่นก็ได้ครับ อย่างคนอื่นซื้อทอง เราก็ไม่จำเป็นต้องซื้อทองก็ได้ ถ้าเราพอใจกับปัจจุบัน เป็นต้นครับ

หวังว่าอาการ Fomo จะไม่ทำให้การใช้ชีวิตลำบากเกินไป และไม่ทำให้ใครติดดอย หรือหมดตัวนะครับ ส่วนใครที่สนใจอยากซื้อหวยออนไลน์ถูกกฎหมาย : ลองเอามาดูได้ที่นี่ครับ